6. ข้อมูลพื้นฐานทางสภาพทางสังคมในอนาคต
จากสภาพการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
การเมือง สังคม
และความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าในอนาคตประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น
ซึ่งจะเป็นผลให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่หลากหลายสาขา
จากสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปดังนี้
1. มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อม
รวมทั้งอุตสาหกรรมท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
2.
งานอาชีพอิสระมีแนวโน้มจะมีความสำเร็จมากขึ้นในอนาคตทั้งนี้เนื่องจากลักษณะการผลิตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักเป็นการผลิตใช้ทุนมากกว่าใช้แรงงาน
3. ในอนาคตสภาพสังคมจะมีการแข่งขันและต่อสู้เพื่ออยู่รอดเฉพาะตัวเพราะที่ดินทำกินไม่สามารถขยายเพิ่มให้สมดุลกับประชากรได้
ทำให้เกิดการเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น
และภาคอุตสาหกรรมก็ไม่สามารถรองรับแรงงานได้ทั้งหมด
เพราะฉะนั้นการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดมีมากขึ้น
4. การประพฤติปฏิบัติของคนไทยจะเปลี่ยนไปจากวัฒนธรรมดั้งเดิมซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง ความเจริญด้านเทคโนโลยีและการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตก
ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และสิ่งแวดล้อมของสังคมไทย
5. ในอนาคตคาดว่าการดำเนินชีวิตของคนไทยประสบกับปัญหา
ทั้งในด้านสุขภาพและ การประกอบอาชีพมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจและการเพิ่มของประชากร
จากสภาพการเปลี่ยนแปลงในลักษณะต่างๆ
ดังกล่าวแล้ว หลักสูตรในอนาคตต้องมีบทบาทดังต่อไปนี้
1.
เตรียมกำลังคนให้เหมาะสมกับงานด้านอุตสาหกรรมขนาดย่อย และอุตสาหกรรมท้องถิ่น
โดยเตรียมกำลังคนที่มีคุณภาพทางด้านความรู้ทักษะ และลักษณะนิสัย
ตลอดจนเจตคติที่ดีต่อการทำงานอาชีพ
2.
ส่งเสริมอาชีพอิสระและเตรียมคนให้เห็นช่องทางในการประกอบอาชีพอิสระมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของประชาชนส่วนหนึ่ง
3.
การศึกษาในอนาคตควรเน้นไปที่การสร้างค่านิยมด้านความสามัคคีในการอยู่ร่วมกัน
โดยให้ทุกคนรู้จักเสียสละ มุ่งทำประโยชน์ให้แก่สังคมเป็นส่วนใหญ่
และหาจุดยืนที่เป็นที่ยอมรับ
4. เตรียมคนให้เห็นคุณค่าของการดำรงรักษาวัฒนธรรมไทย
รู้จักผสมผสานวัฒนธรรมดั่งเดิมกับวัฒนธรรมใหม่ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตน
มุ่งพัฒนาตนเองและสร้างสรรค์ความเจริญทางสังคม
ตลอดจนมุ่งพัฒนาจิตใจให้ยึดมั่นในศาสนาและหลักธรรม
มีคุณธรรมจริยธรรมอันจะนำไปสู่การมีชีวิตที่สงบสุข
5. เตรียมฝึกคนให้สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและปัญหาต่างๆ
ในการดำรงชีวิตพร้อมทั้งสามารถเลือกแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
1.
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านระบบสังคมวัฒนธรรมและค่านิยม
การศึกษาทำหน้าที่สำคัญ คือ
อนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมสู่เยาวชน
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของทางสังคมให้เข้าการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และวิทยาศาสตร์
ช่วยควบคุมทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสังคม“หลักสูตรและสังคมจึงเกี่ยวข้องกันความจำเป็นของการศึกษาข้อมูลสังคม
วัฒนธรรม และค่านิยม เพื่อความสอดคล้องตอบสนองความต้องการของสังคม
เพื่อแก้ไขปัญหา”
หลักสูตรที่จะนำไปสอนอนุชนต้องมีความสัมพันธ์กับสังคมอย่างแยกไม่ออก
และธรรมชาติของสังคมและวัฒนธรรมมักมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
จึงจะทำให้หลักสูตรีความสอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน
สามารถแก้ปัญหาและสนองความต้องการสังคมได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการใหม่
ผลของการวิเคราะห์ออกมาอย่างไร หลักสูตรก็จะเปลี่ยนจุดหมายไปแนวนั้น
สามารถจำแนกข้อมูลให้เห็นชัดเจนได้ดังนี้
1. โครงสร้างของสังคม
แบ่งเป็นสังคมชนบทและสังคมเมือง
การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องศึกษาโครงสร้างของสังคมที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
และแนวโน้มโครงสร้างสังคมในอนาคตเพื่อที่จะได้ข้อมูลมาจัดหลักสูตรว่า
จะจัดหลักสูตรอย่างไรเพื่อยกระดับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมและเตรียมพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมตามความจำเป็น
2. ค่านิยมในสังคม ค่านิยม หมายถึง
สิ่งที่คนในสังคมเดียวกันมองเห็นว่ามีคุณค่าเป็นที่ยอมรับ
การพัฒนาหลักสูตรจึงจำเป็นต้องศึกษาค่านิยมต่างๆในสังคมไทยว่า ค่านิยมชนิดไหนสมควรได้รับการเปลี่ยนแปลงหรือดำรงไว้
หน้าที่ของนักพัฒนาหลักสูตรต้องศึกษาและเลือกค่านิยมที่ดีและสอดแทรกไว้ในหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและสร้างค่านิยมที่ดีในสังคมไทย
3. ธรรมชาติของคนในสังคม
ธรรมชาติของคนในแต่ละสังคมย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและค่านิยม
ซึ่งทำให้คนไทยมีบุคลิกภาพต่างๆกัน เช่น ยึดมั่นตัวบุคคล
ยกย่องบุคคลที่มีการศึกษาสูง ยกย่องผู้มีเงิน รักความอิสระ เชื่อโชคลาง เล่นพวก
ไม่กระตือรือร้น ฯลฯ การพัฒนาหลักสูตรต้องคำนึงถึงลักษณะธรรมชาติ
บุคลิกของคนในสังคม ในสภาพปัจจุบัน เพื่อที่จะจัดการศึกษาของคนในสังคมตามที่สังคมต้องการ
4. การชี้นำสังคมในอนาคต
ระบบพัฒนาหลักสูตรในอดีตเป็นลักษณะของการตั้งรับมาโดยตลอด
ความต้องการและปัญหาของสังคม จึงให้การศึกษาเป็นตัวตาม
เป็นเครื่องมือที่คอยพัฒนาไปตามกระแสของความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นผลผลิตที่ได้จากหลักสูตร
คือ ผู้เรียนเป็นผู้ที่วิ่งตามสังคม
ฉะนั้นการจัดการศึกษาที่ดีควรใช้การศึกษาที่ดีควรใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศในอนาคตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นักพัฒนาหลักสูตรจึงควรศึกษาข้อมูลต่างๆที่เป็นเครื่องชี้นำสังคมในอนาคต เช่น
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
5.
ลักษณะสังคมตามความคาดหวัง
นักพัฒนาหลักสูตรควรจะได้ศึกษาข้อมูลหรือมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆเพื่อที่จะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าสภาพสังคมในอนาคต
5-10 ปี ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แม้จะเป็นการยากแก่การพยากรณ์แต่เป็นทางที่จะช่วยผลิตประชากรให้แก่สังคมได้อย่างสอดคล้องตามนโยบายการศึกษาของชาติ
และในการผลิตคนให้แก่สังคมในอนาคตที่ทำได้แน่นอนคือ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพในการดำรงชีวิต จรรโลงสภาพสังคมในอนาคตให้ดีขึ้น
ลักษณะประชากรที่มีคุณภาพดีมีดังนี้
-มีสุขภาพกาย
สุขภาพจิตดี
-มีอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว
ทำประโยชน์แก่ครอบครัว
-เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
-มีสติปัญญา
หมั่นเสริมสร้างความรู้ความคิดอยู่เสมอ
-มีนิสัยรักการทำงาน
ขยัน อดทน ประหยัด ซื่อสัตย์ ภักดี
-มีมนุษยสัมพันธ์
และมนุษยธรรม
หน้าที่ของนักพัฒนาหลักสูตรก็คือ
จะต้องพิจารณาว่าจะจัดหลักสูตรอย่างไร
รูปแบบใด จึงจะทำให้ประชากรมีคุณภาพดี
6. ศาสนาและวัฒนธรรมในสังคม ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคม
วัฒนธรรมเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญที่จะแสดงให้ทราบว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนในสังคมเดียวกันหรือเป็นคนชาติเดียวกัน
ดังนั้นศาสนาและวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการพัฒนาหลักสูตร
ทั้งนี้เพราะจุดประสงค์สำคัญของหลักสูตรก็คือการทำนุบำรุงรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีงามไว้ และสกัดกั้นวัฒนธรรมที่ไม่พึงประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้มาทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย
การพัฒนาหลักสูตรจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงศาสนาและวัฒนธรรม
ความรู้และหลักธรรมทางศาสนาต่างๆนำมาบรรจุไว้ในหลักสูตร
คือสอนให้คนอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข
ด้านวัฒนธรรมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะวิทยาการต่างๆเจริญก้าวหน้า
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว
การพัฒนาหลักสูตรจึงต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
ข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนาหลักสูตรเป็นอย่างมาก
เพราะหลักสูตรที่ดีจะต้องตอบสนองสังคมและพัฒนาสังคมไปพร้อมกัน
การศึกษาข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรอบคอบจะทำให้เราสามารถนำไปพัฒนาหลักสูตรที่ดีตามลักษณะดังต่อไปนี้
-สนองความต้องการของสังคม
-สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคม
-เน้นในเรื่องรักชาติรักประชาชน
-แก้ปัญหาให้กับสังคม
มิใช่สร้างปัญหาให้กับสังคม
-ปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้น
-สร้างความสำนึกในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
-ชี้นำในเรื่องการเปลี่ยนแปลงประเพณีและค่านิยม
-ต้องถ่ายทอดวัฒนธรรมและจริยธรรม
-ปลูกฝังในเรื่องความซื่อสัตย์และความยุติธรรมในสังคม
-ให้ความสำคัญในเรื่องผลประโยชน์ในสังคม
2.
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านระบบการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจ
2.1 ระบบการเมืองและการปกครอง :
การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงข้อมูลทางการเมืองและการปกครองของประเทศด้วย
เพื่อจะได้พัฒนาประชากรให้เป็นไปในทิศทางที่สังคมต้องการ
เนื่องจากการศึกษาเป็นเครื่องมืออันหนึ่งของสังคม
หลักสูตรของประเทศต่างๆมักจะบรรจุเนื้อหาสาระของระบบการเมือง การปกครอง
เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในการที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ในบางประเทศที่ต้องการปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองให้แก่ประชาชนของตนเองก็มักจะเน้นเนื้อหาหลักสูตรเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองของประเทศตน
2.2 รากฐานของประชาธิปไตย:
หลักสูตรในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนมีส่วนช่วยวางรากฐานเกี่ยวกับประชาธิปไตยให้แก่สังคม
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอันถูกต้องซึ่งจะสร้างสรรค์ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
การยอมรับในความแตกต่าง และไม่มีการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้การจัดการเรียนการสอนก็ควรจะได้มุ่งเน้นพฤติกรรมประชาธิปไตย
ความรักใคร่สามัคคีปรองดอง
2.3 พื้นฐานทางเศรษฐกิจและระบบเศรษฐกิจ:
การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ
เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคนซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในทุกระบบเศรษฐกิจ
เพราะระบบเศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้าได้เพียงใดขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในสังคมนั้น
ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมนั้นกับพื้นบานทางด้านเศรษฐกิจ จึงพิจารณา
ในด้าน 1) การเตรียมกำลังคน จัดให้การศึกษาอย่างเพียงพอ
พอเหมาะและสอดคล้องความต้องการในแต่ละสาขาวิชาชีพ เพื่อลดปัญหาการว่างงานอันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศอีกทั้งสนับสนุนการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมให้มีผู้เชี่ยวชาญในระดับต่างๆ
รวมถึงพิจารณาถึงแนวโน้มความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศชาติในอนาคต 2)
การพัฒนาอาชีพ การประกอบอาชีพของคนไทยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรมและการประกอบอาชีพอุตสาหกรรม
และปัจจุบันมีการอพยพย้ายถิ่นเข้ามาทำงานอุตสาหกรรมในเมืองใหญ่
ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาด้านอื่นๆตามมา เช่น สิ่งแวดล้อม เกิดชุมชนแออัด ปัญหาครอบครัว
ดังนั้นหลักสูตรที่ใช้สำหรับสังคมไทยควรเน้นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้น
จัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาอาชีพตามศักยภาพและท้องถิ่น
เพื่อลดปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน 3) การขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม
ประเทศไทยกำลังพัฒนาจากการเกษตรไปสู่อุตสาหกรรมมากขึ้น ดังนั้นการจัดหลักสูตร เช่น
หลักสูตรวิชาชีพ จึงต้องเน้นด้านพัฒนาทักษะฝีมือแรงงงานเพื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาดและมีประสิทธิภาพในเวทีการแข่งด้านการค้าและเศรษฐกิจ 4) การใช้ทรัพยากร
เศรษฐกิจเป็นเรื่องของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่จำกัดของมนุษย์ ดังนั้นในการจัดหลักสูตร
หรือจัดทำหลักสูตรเนื้อหาวิชา
กิจกรรมและการจัดประสบการณ์ในหลักสูตรควรปลูกฝังเกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 5)
การพัฒนาคุณลักษณะของบุคคลในระบบเศรษฐกิจของไทย เช่น
ความขัดแย้งกับความเป็นจริงในระบบเศรษฐกิจ เช่น มีรายได้ต่ำแต่ต้องการจับจ่ายในระบบเศรษฐกิจสูงตามความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ
ทำให้เกิดปัญหาด้านหนี้สิน
และในระบบเศรษฐกิจแบบเปิดทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยหลั่งไหลเข้ามาสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้กับเด็กและเยาวชน
หรือการเอารัดเอาเปรียบต่อผู้ด้อยการศึกษา
ดังนั้นการจัดหลักสูตรจะต้องบรรจุเนื้อหาในการสร้างค่านิยมในการทำงานร่วมกัน การไม่เอารัดเอาเปรียบ
ความขยันหมั่นเพียร การรู้จักอดออม การมีสติรู้คิด และ 6) การลงทุนทางการศึกษา
การจัดการศึกษาทุกระดับต้องใช้งบประมาณของรัฐโดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แหล่งเงินที่จะช่วยเหลือรัฐในรูปของงบประมาณ
การจัดการศึกษาจึงต้องคำนึงถึงงบประมาณเพื่อการศึกษาจัดให้สอดคล้อง
ไม่ว่าด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านวัสดุอุปกรณ์ เพื่อการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น การพัฒนาหลักสูตรให้เยาวชนมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์
หรือภาษาต่างประเทศ การบริหารจัดการด้านงบประมาณจึงต้องพิจารณา ความพร้อมของโรงเรียน เพื่อลดการลงทุนที่สูญเปล่า
3.
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและครอบครัว
ในทัศนะของนักการศึกษากลุ่มปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
จะมีความเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของ
สังคมโดยเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดความจำเป็นจะต้องสร้างคุณธรรมและความคิดใหม่เพื่อจะทำให้คนในสังคมสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้และครอบครัวมีบทบาทในการขัดเกลาทางสังคมให้แก่ผู้เรียน
อิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี:
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้สังคมเปลี่ยนไป
ผู้เรียนเกิดความจำเป็นต้องเพิ่มความรู้ ทักษะใหม่ และต้องเปลี่ยนแปลงเจตคติใหม่
ทำให้เกิดความจำเป็นต้องสร้างคุณธรรมและความคิดใหม่เพื่อให้คนในสังคมสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้
โดยการใช้การศึกษาทำหน้าที่สร้างประชาชนที่มีคุณภาพและมีความสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมที่มีความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
หลักสูตรที่นำมาใช้จึงจำเป็นต้องมีความสอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความเจริญเหล่านี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเรื่องของเนื้อหาของหลักสูตร
และการเรียนการสอน เช่น อุปกรณ์การสอนใหม่ๆ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกภาพและเสียง โปรเจคเตอร์ แท็บเลต และวิธีการสอนแบบใหม่
ซึ่งต้องใช้เครื่องมือต่างๆช่วย เช่น วิทยุการศึกษา โทรทัศน์การศึกษา
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
4.
ข้อมูลพื้นฐานสภาพปัญหาและแนวทางในการแก้ปัญหาของสังคม
สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ผู้คนในสังคมมีการเบี่ยงเบนความสัมพันธ์ไปจากเดิม
และสถาบันทางสังคมก็ทำหน้าที่ไม่ครบสมบูรณ์
สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เกิดปัญหาสังคม ปัญหาสังคมไทยมีอยู่มากมาย
ดังนี้ 1)ปัญหายาเสพติด
กำลังระบาดในหมู่เยาวชน
ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีคนติดสิ่งเสพติดมากกว่าสองล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน
สารเสพติดที่ระบาดในประเทศไทย เช่น ยาบ้า
ยาไอซ์ (ฝิ่น กัญชา เฮโรอีน และแอมเฟตามีน)
ซึ่งในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นด้วยมีการลักลอบนำเข้ามายังบริเวณชายแดนใต้และภาคเหนือของไทย
ในการจัดหลักสูตร ผ่านการสอนในสถานบันศึกษา
นั้น ต้องพิจารณาในการชี้ให้เห็นถึงโทษ
เช่นการให้ความรู้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งเสพติดกับเด็กและเยาวชน อย่างทั่วถึง
2.ปัญหาเด็กและเยาวชนในวัยเรียน เช่น
มั่วสุมตามสถานที่บันเทิง โดดเรียน หนีเรียน ท้อง ทิ้ง แท้ง และปัญหาเหยื่อของโฆษณาทำให้เป็นผู้บริโภคนิยม
เป็นต้น การจัดการศึกษาในหลักสูตร
คงต้องพิจารณาถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง
โดยให้ความรักความอบอุ่นกับสมาชิกในครอบครัว
และพร้อมทั้งส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของ บุตรหลาน ชุมชน
สังคมในการส่งเสริมการจัดเวลารวมทั้งพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงศักยภาพความสามารถตามความสนใจและความต้องการตามวัย
เพื่อเป็นการเสริมประสบการณ์ในทางสร้างสรรค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น