5. หลักสูตรแกน
หลักสูตรแกน (The Core Curriculum) ถือกำเนิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณปี
ค.ศ. 1900
ด้วยเหตุผลสองประการ คือ
ความพยายามที่จะปลีกตัวออกจากการเรียนที่ต้องแบ่งแยกวิชาออกเป็นรายวิชาย่อยๆ
หรือพูดง่ายๆ ก็คือความพยายามที่จะให้หลุดพ้นจากการเป็นหลักสูตรรายวิชา
ประการหนึ่ง
และความพยายามที่จะดึงเอาความต้องการและปัญหาของสังคมมาเป็นศูนย์กลางของหลักสูตร
อีกประการหนึ่ง
แรกทีเดียวได้มีการนำเอาเนื้อหาของวิชาต่างๆ
มารวมกันเข้าเป็นวิชากว้างๆ เรียกว่าหมวดวิชา ทำให้เกิดหลักสูตรแบบกว้างขึ้น แต่หลักสูตรนี้มิได้มีส่วนสัมพันธ์กับปัญหาและความต้องการของสังคมมากนัก
ดังนั้นจึงมีผู้คิดหลักสูตรแกนเพื่อสนองจุดหมายที่ต้องการ
1. วิวัฒนาการของหลักสูตร
วิวัฒนาการของแนวความคิดเรื่องหลักสูตรแกน
เริ่มจากการใช้วิชาเป็นแกนกลางโดยเชื่อมเนื้อหาของวิชาที่สามารถนำมาสัมพันธ์กันได้
เข้าด้วยกัน แล้วกำหนดหัวข้อขึ้นให้มีลักษณะเหมือนเป็นวิชาใหม่ เช่น
นำเอาเนื้อหาของวิชาชีววิทยา สังคมศึกษาและสุขศึกษามาเชื่อมโยงกันภายใต้หัวข้อ
“สุขภาพและอนามัยของท้องถิ่น” เป็นต้น ต่อมาภายหลังมีผู้คิดปรับปรุง การเชื่อมโยงอีก
โดยยึดเอาวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นแกน
แล้วกำหนดหัวข้อการเรียนการสอนให้ครอบคลุมวิชาอื่นๆ อย่างกว้างขวาง เป็นต้นว่า
เอาวิชาประวัติศาสตร์เป็นแกนแล้วขยายขอบเขตของเนื้อหาให้ครอบคลุมวิชาศิลปะ ดนตรี
วรรณคดี วิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจและวัฒนธรรม อย่างไรก็ตามการใช้วิชาเป็นแกนทั้งสองรูปแบบนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่โดยเฉพาะในแง่ของความสัมพันธ์กับปัญหาสังคมปัจจุบัน
เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว
ได้มีการปรับปรุงแนวความคิดเสียใหม่โดยถือเอาความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของหลักสูตร
แต่ก็ปรากฏว่ายังมีข้อพกพร่องอยู่อีก
เพราะความต้องการของผู้เรียนกับของสังคมอาจไม่ตรงกันก็ได้
นอกจากนั้นความต้องการนั้นอาจไม่ใช่ความต้องการของผู้เรียนโดยส่วนร่วม
อาจเป็นความต้องการของผู้ที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลางทำให้พวกที่มาจากชนชั้นสูงและชั้นต่ำถูกทอดทิ้งอย่างไม่เป็นธรรมก็ได้
ในเวลาต่อมาได้มีการปรับปรุงแนวความคิดอีก 2 รูปแบบ
แบบแรกคือเอาหน้าที่ของบุคคลในสังคมเป็นแกน เช่น การรักษาสุขภาพ
การเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและสังคม การประกอบอาชีพ การปฏิบัติกิจทางศาสนา
การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และการร่วมในกิจกรรมของท้องถิ่น เป็นต้น
สำหรับแบบที่สองใช้ปัญหาสังคมเป็นแกน
วิธีการที่เลือกว่าปัญหาใดสำคัญอาศัยหลักว่าปัญหานั้นจะต้องมีผลพลาดพิงต่อความเป็นอยู่ของบุคคลหรือสังคมส่วนรวมมีผู้ตำหนิว่าหลักสูตรแกนมุ่งศึกษาปัญหาสังคมและการศึกษาเรื่องของผู้ใหญ่มากเกินไปจนอาจลืมความสนใจของเด็ก
ข้อตำหนินี้มีผู้แก้ต่างว่าตามความเป็นจริงและไม่ได้ละเลยความสนใจของเด็กแต่อย่างใด
เป็นแต่เพียง เบนความสนใจเข้าหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่านั้น
นอกจากนี้เด็กเองยังมีโอกาสได้ร่วมในการวางแผนและลงแก้มือปัญหาด้วยตนเองอีกด้วย
อนึ่ง การศึกษาปัญหาสังคมเป็นส่วนรวมจะช่วยให้เด็กหรือผู้เรียนมองเห็นสภาพและแนวโน้มของสังคมตนอาศัยอยู่ได้ดีขึ้น
จากวิวัฒนาการของหลักสูตรในสหรัฐอเมริกาทำให้เราพอจะอนุมานได้ว่า
หลักสูตรแกนคือหลักสูตรที่ผู้เรียนทุกคนต้องเรียน
และเป็นหลักสูตรที่เน้นให้เรื่องปัญหาสังคมและค่านิยมของสังคม
โดยมีกำหนดเค้าโครงของสิ่งที่จะสอนไว้อย่างชัดเจน
2. หลักสูตรแกนในเอเชีย
ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ใช้หลักสูตรแกนอยู่ในปัจจุบันนี้มีหลายประเทศ
เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เนปาล ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์
แต่การตีความหมายของหลักสูตรมีอยู่ 3 ความหมาย คือ
1. หลักสูตรแกน หมายถึงหลักสูตรที่นำเอาวิชาต่างๆ มาผสมผสานกันโดยใช้หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสังคมปัจจุบันปัญหาของผู้เรียนหรือปัญหาทางประวัติศาสตร์มาผสมผสานกัน
2. หลักสูตรแกน หมายถึง
หลักสูตรที่ประกอบด้วยความรู้ ทักษะและเจตคติที่ได้เลือกสรรแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน
โดยนำเอาสิ่งที่ได้เลือกไว้แล้วนี้ มาจัดในลักษณะหลักสูตรกว้าง ไม่แยกรายวิชา
3. หลักสูตรแกน หมายถึงหลักสูตรประกอบด้วยวิชาต่างๆ
ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกๆ คน
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
ก. ไม่ว่าจะตีความหมายอย่างใดหลักสูตรแกนเป็นหลักสูตรที่ผู้เรียนทุกคนต้องเรียนเหมือนกันทั้งหมด
ข.
ความแตกต่างของเนื้อหาของหลักสูตรขึ้นอยู่กับนโยบายและจุดมุ่งหมายของการศึกษาซึ่งผู้รับผิดชอบเป็นผู้กำหนด
ค. ทุกหลักสูตรต่างมีจุดเน้นที่วัฒนธรรม ค่านิยมและปัญหาสังคม แต่จะเน้นมากหรือน้อยกว่ากันเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับนโยบายประเทศนั้นๆ
ง. ตามปกติหลักสูตรแกนจะเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรแม่บท
และมีลักษณะเป็นหลักสูตรบูรณาการ
3. ข้อสรุปเกี่ยวกับหลักสูตรแกน
จากข้อมูลว่าด้วยหลักสูตรแกนในสหรัฐอเมริกาก็ดี และในประเทศต่างๆ
ในเอเชียก็ดีทำให้เราพอมีข้อมูลสรุปได้ว่าหลักสูตรแกนเป็นหลักสูตรที่บังคับให้ทุกคนต้องเรียนอาจเป็นหนึ่งของหลักสูตรแม่บทหรือเป็นตัวหลักสูตรแม่บทก็ได้จุดเน้นของหลักสูตรจะอยู่ที่วิชาหรือสังคมก็ได้ส่วนใหญ่จะเน้นสังคมโดยยึดหน้าที่ของบุคคลในสังคม หรือปัญหาสังคมหรือการสร้างเสริมสังคมเป็นหลัก
ในแง่ของการเน้นวิชาก็ได้แก่การบังคับให้เรียนวิชาต่างๆในหลักสูตร
เช่น วิชาสามัญ ได้แก่ ภาษาไทย สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ส่วนในด้านสังคมก็อาจกำหนดหลักสูตรโดยใช้หัวข้อต่อไปนี้
1. ที่ยึดหน้าที่ของบุคคลได้แก่ การสงวนรักษาทรัพยากร
การผลิตสินค้าและบริการเฉลี่ยรายได้ การใช้สินค้าและบริการการพักผ่อนหย่อนใจ
2. ที่ยึดปัญหาสังคมได้แก่ ปัญหาที่อยู่อาศัย อาหาร การจราจร มลภาวะ
สุขภาพ ศีลธรรมและการมีงานทำ
3. ที่ยึดการสร้างเสริมสังคม ได้แก่ ความรับผิดชอบตามหน้าที่พลเมือง
การเป็นผู้บริโภคที่ฉลาด ความเข้าใจระบบเศรษฐกิจความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว
การส่งเสริมอนามัยชุมชนและงานพัฒนาชุมชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น